บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2017

My head says work, but my heart says travel.

รูปภาพ
บางครั้งสมองกับหัวใจของเราก็ไม่ได้สอดคล้องไปด้วยกันเสมอไป ในขณะที่ความคิดของเราบอกให้เราทำอย่างหนึ่ง แต่ความรู้สึกของเรากลับบอกให้เราทำอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างยากที่จะตัดสินใจเลือกว่าควรจะทำสิ่งไหนดี ระหว่างสิ่งที่สมองของเราบอก หรือสิ่งที่หัวใจของเราเรียกร้อง ในสถานการณ์ในลักษณะนี้เราสามารถสื่อความหมายด้วยประโยคนี้ได้ครับ   My  head  says _____, but my  heart  says _____. ( ในสมองของฉันบอก  _____  แต่ในหัวใจของฉันบอก  _____) ซึ่งในที่นี้นั้น   head   สื่อความหมายในเชิง   หัว ,  สมอง ,  ความคิด ,  เหตุผล ส่วน   heart   นั้นสื่อความหมายในเชิง   หัวใจ ,  ความรู้สึก ,  สัญชาตญาณ และระหว่างสิ่งที่   head   บอก กับสิ่งที่   heart   บอกนั้นขัดแย้งกัน ในที่นี้เราเลยเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันด้วยคำว่า   but  ( แต่) เราอาจจะนำรูปแบบประโยคนี้ไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ที่ความคิดกับความรู้สึกของเราขัดแย้งกันก็ได้อย่างเช่น (1) My head says  save money,  but my heart says  go shopping . ( ความคิดของฉันบอกให้เก็บเงิน แต่ความรู้สึกของฉันบอกให้ช็อปปิ้งเ

13 ประโยคภาษาอังกฤษ คำถามคำตอบตรวจคนเข้าเมือง

รูปภาพ
ทุกครั้งที่เราเดินทางไปต่างประเทศ และเมื่อไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง เราจะต้องเตรียมตอบคำถามเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง บางครั้งเราอาจจะโชคดีที่ไม่ต้องตอบคำถามอะไรเลย หรืออาจจะตอบคำถามบ้างเล็กน้อยสองสามคำถาม   แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องเตรียมตอบคำถามอยู่ดี และเนื่องจากว่าภาษาอังกฤษนั้นมีหลายสำเนียง ถ้าเราเตรียมตัวในการตอบคำถามเหล่านี้ไปก่อน ก็จะช่วยให้เราเข้าใจคำถามได้ง่ายขึ้น ฟังออกมากขึ้น หรือถึงแม้ว่าเราจะฟังคำถามนั้นไม่ออกทั้งประโยคก็ตาม   แต่ก็พอจะเดาความหมายของคำถามนั้นได้บ้างถ้าเราเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี   วันนี้ลองมาดูคำถามที่มักจะพบบ่อยและแนวทางในการตอบคำถามเหล่านี้กันครับ แนวทางการตอบคำถาม:  Here you are. (นี่ครับ/ค่ะ) แนวทางการตอบคำถาม:  I’m coming from _____. (ฉันเดินทางมาจาก _____ ) I’m coming from Hong Kong . (ฉันเดินทางมาจากฮ่องกง) แนวทางการตอบคำถาม:  I’m from _____. (ฉันมาจาก _____ ) I’m from Thailand . (ฉันมาจากประเทศไทย) แนวทางการตอบคำถาม:  I’m here to _____. (ฉันมาที่นี่เพื่อ _____ ) I’m her

See things as they are, or see things as we are?

รูปภาพ
เรามองสิ่งต่างๆ ในแบบที่มันเป็น หรือว่าเรามองสิ่งต่างๆ ในแบบที่เราเป็น หลายครั้งที่เรามักจะมองสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วพยายามตัดสินมันในมุมมองของเรา สิ่งนี้ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด สวยงามหรือน่าเกลียด พอใจหรือไม่พอใจ ชอบหรือไม่ชอบ ใช่หรือไม่ใช่ ฯลฯ หลายครั้งที่ในเรื่องราวเดียวกัน มีทั้งคนมองว่าดีและไม่ดี เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ชอบและไม่ชอบ ใช่และไม่ใช่ ฯลฯ เป็นไปได้มั้ยว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะ เราไม่ได้มองสิ่งต่างๆ ในแบบที่มันเป็น แต่ว่าเรามองสิ่งต่างๆ ในแบบที่เราเป็น

Preposition On ใช้กับอะไรได้บ้าง

รูปภาพ
คำว่า  on  คำสั้นๆ ง่ายๆ ที่เรามักจะแปลว่า   “ บน ”   หรือ   “ ข้างบน ”   นั้น จริงๆ แล้วคำนี้ยังมีความหมายอื่นๆ อีก และยังใช้ได้ในอีกหลากหลายสถานการณ์ วันนี้เราจะลองมาดูกันว่าคำนี้หมายถึงอะไรได้บ้าง และใช้ในบริบทอื่นๆ อะไรได้อีกบ้างครับ (1) คำว่า  on  โดยทั่วไปแล้วหมายถึง  “ บน ”  หรือ  “ ข้างบน ” มีวิธีการใช้เหมือนกับในภาษาไทย ในที่นี้ลองนึกตัวอย่างง่ายๆ โดยการมองสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา ในบ้าน ในห้องนอน ห้องนั่งเล่น แล้วลองดูว่ามีสิ่งของอะไรอยู่บนอะไรบ้าง อย่างเช่น - a computer  on  the desk ( คอมพิวเตอร์บนโต๊ะ) - books  on  the bookshelf ( หนังสือบนชั้นหนังสือ) - a microwave  on  the floor ( เตาอบไมโครเวฟบนพื้น) นอกจากนี้แล้วการใช้คำว่า  on  ยังหมายรวมไปถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่บนฝาผนังได้ด้วย เช่น - a picture  on  the wall ( รูปภาพบนฝาผนัง) - a lamp  on  the wall ( โคมไฟบนฝาผนัง) หรืออย่างตึก อาคาร บ้านเรือน ตามถนนสายต่างๆ เราก็ใช้กับคำว่า  on  ได้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งจะหมายถึง  “ อยู่ที่ถนน ” - My house is  on  Oxford Street. (

The ใช้ยังไง แล้วใช้เมื่อไหร่นะ

รูปภาพ
อีกคำที่เราพบบ่อยมากๆ ในภาษาอังกฤษ เชื่อว่าใครก็ต้องเจอแน่นอน นั่นก็คือคำว่า  the แต่หลายคนอาจจะยังงงๆ ว่า  the  คืออะไร ใช้ยังไง ใช้เมื่อไหร่ เราลองมาดูภาพรวมกันก่อน ว่า  the  คืออะไร the  เป็นคำที่ใช้วางไว้หน้าคำนาม เอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้   แล้วจะทำให้คำนามคำนั้นมีความหมายในเชิงที่ชี้เฉพาะเจาะจง อย่างเช่น สิ่งนี้ ,  อันนี้ ,  ที่นี้ ,  คนนี้ เช่นในตัวอย่างนี้ครับ the car  รถยนต์คันนี้   (เอกพจน์) the cars  รถยนต์เหล่านี้ (พหูพจน์) the computer  คอมพิวเตอร์เครื่องนี้   (เอกพจน์) the computers  คอมพิวเตอร์เหล่านี้ (พหูพจน์) the man  ผู้ชายคนนี้   (เอกพจน์) the men  ผู้ชายเหล่านี้ (พหูพจน์) the restaurant  ร้านอาหารร้านนี้   (เอกพจน์) the restaurants  ร้านอาหารเหล่านี้ (พหูพจน์) the position  ตำแหน่งนี้   (เอกพจน์) the positions  ตำแหน่งเหล่านี้ (พหูพจน์) >>> ทีนี้เรามาดูหลักการใช้  the  ข้อแรกกันก่อนนะครับ เราจะใช้  the  นำหน้าคำนาม เมื่อผู้พูดกับผู้ฟังเข้าใจตรงกันว่ากำลังพูดถึงสิ่งไหนอยู่   อย่างเช่นในตัวอย่างนี้ We

Prefix Re- คืออะไร แปลว่าอะไร ใช้ยังไง

รูปภาพ
เทคนิคการท่องศัพท์ให้ได้มากๆ เร็วๆ อีกวิธีหนึ่งก็คือ การที่เราเข้าใจการสร้างคำในภาษาอังกฤษ วันนี้ก็จะมาพูดถึงเรื่อง  prefix  prefix  คืออะไร แล้วใช้ยังไง ซึ่ง   prefix  นั้นก็คือคำที่เติมหน้าคำหลัก แล้วทำให้ได้คำใหม่ และความหมายใหม่ อย่างเช่น  prefix  คำว่า  re-  ซึ่งใช้เติมหน้าคำหลัก แล้วจะให้ความหมายในเชิง  “ อีกครั้ง ,  อีกที ,  ทำใหม่ ,  หรือ ทำซ้ำ ”   Write  เขียน Rewrite  เขียนใหม่ Send  ส่ง Resend  ส่งใหม่ Do  ทำ Redo  ทำใหม่ Arrange  จัดเตรียม Rearrange  จัดเตรียมใหม่ ,  ปรับปรุงใหม่ View  มอง ,  พิจารณา Review  พิจารณาใหม่ ,  ตรวจสอบอีกครั้ง ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างประโยคกันบ้างครับ - What are you doing over the weekend? ( คุณจะทำอะไรในช่วงสุดสัปดาห์นี้) - We have to redo our paperwork. ( พวกเราต้องทำงานเอกสารใหม่อีกครั้ง) - I will write my friend an email. ( ฉันจะเขียนอีเมลถึงเพื่อน) - I have to rewrite my essay. ( ฉันต้องเขียนเรียงความใหม่อีกครั้ง) จากตัวอย่างนี้เป็นการเติม  prefix  คำว่า  re-