บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2017

9 ข้อควรระวังในการสอบ TOEFL iBT

รูปภาพ
สำหรับใครที่กำลังจะสอบ TOEFL iBT หรือกำลังเตรียมสอบอยู่นั้น ถ้าหากว่าเราเตรียมตัวก่อนสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว คราวนี้ก็ลองมาดูกันว่าในวันสอบจริงนั้นมีอะไรที่ควรทำและไม่ควรทำกันบ้าง ในวันนี้เลยอยากจะแชร์ “ 9 ข้อควรระวังในการสอบ TOEFL iBT ” ไว้สำหรับเป็นแนวทางในการสอบในวันสอบจริง   หวังว่าแนวทางเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังจะสอบ และช่วยให้ทุกคนทำข้อสอบกันได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นครับ 1. ในขณะสอบ Reading ไม่ควรจดโน้ตมากเกินไป ละเอียดเกินไป และนานเกินไป เพราะจะทำให้เสียเวลาในการอ่านและอาจจะทำให้ทำข้อสอบไม่เสร็จทันเวลาได้   ในการอ่านและทำข้อสอบเรื่องหนึ่งๆ นั้นควรจะใช้เวลาไม่เกินเรื่องละ 20 นาที   แต่ถ้าใช้เวลาเกินจากนี้เราก็อาจจะทำข้อสอบไม่เสร็จทันเวลาได้ 2. ในขณะสอบ Reading ไม่ควรอ่านเนื้อเรื่องให้จบทีเดียวแล้วค่อยมาเริ่มอ่านคำถาม ตอบคำถามทีละข้อ เพราะเนื้อเรื่องแต่ละเรื่องนั้นมีเนื้อหาค่อนข้างยาว และมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ อย่างเช่นชื่อเฉพาะ ศัพท์เทคนิค ชื่อพืช/สัตว์ทางวิทยาศาสตร์ และปี ค.ศ. ต่างๆ   ถ้าเราอ่านเนื้อเรื่องจบทีเดียวแล้วค่อยมาเริ่มทำข้อสอบทีละข้อ เ

5 ข้อควรรู้และปฏิบัติในการเตรียมสอบ TOEFL iBT

รูปภาพ
ใครที่กำลังคิดว่าจะสอบ  TOEFL iBT  หรือกำลังเตรียมสอบอยู่ และคิดว่าข้อสอบนี้ทดสอบทักษะภาษาอังกฤษพื้นฐานอย่างการฟัง พูด อ่าน เขียน เพียงแค่นี้ คงจะต้องบอกไว้ก่อนว่า   เข้าใจผิดแล้ว   หรือใครที่คิดว่าแค่เราใช้ภาษาอังกฤษได้ดี สื่อสารกับชาวต่างชาติได้รู้เรื่องก็ทำข้อสอบ  Speaking Section  กับ  Writing Section  ได้สบายๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก คงจะต้องบอกอีกว่า   ไม่แน่เสมอไปเหมือนกัน เพราะจริงๆ แล้วข้อสอบ  TOEFL  นั้นเป็นข้อสอบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกับข้อสอบภาษาอังกฤษอื่นๆ ทั่วไป และก็ยังไม่ได้ทดสอบแค่ทักษะพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังทดสอบทักษะอื่นๆ อีกมากมายด้วยอย่างเช่น ทักษะการสรุปใจความสำคัญ  (Summary)  ทักษะการสรุปเป็นคำพูดของเราเอง  (Paraphrase)  ทักษะการสังเคราะห์ข้อมูลจากที่มาต่างๆ  (Synthesis)  ทักษะการจดสรุปย่อๆ  (Note Taking)  และยังรวมไปถึงทักษะการอ่านเร็ว  (Speed Reading)  อีกด้วย   ดังนั้นใครที่คิดว่าจะสอบ  TOEFL  หรือกำลังเตรียมสอบอยู่นั้น ควรจะรู้ว่าเราควรจะเตรียมตัวอะไรยังไงบ้าง เพื่อให้ทำข้อสอบได้ดีมีประสิทธิภาพที่สุด และใช้เวลาคุ้มค่าที่สุดในการ

5 เคล็ดลับควรรู้และปฏิบัติในการฝึกฟังภาษาอังกฤษ

รูปภาพ
1.  ภาษาอังกฤษนั้นมีหลากหลายสำเนียง   ทั้งภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษาเองอย่างอเมริกัน อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และภาษาอังกฤษของประเทศที่ใช้เป็นภาษาราชการอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ซึ่งแน่นอนว่าบางคนอาจจะรู้สึกว่าสำเนียงหนึ่งฟังง่ายกว่าอีกสำเนียงหนึ่ง อย่างเช่นสำเนียงอเมริกันฟังง่ายกว่าอังกฤษ หรือสำเนียงอังกฤษฟังง่ายกว่าอเมริกัน ฯลฯ แต่ว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีสำเนียงไหนฟังยากหรือง่ายกว่ากัน แต่อยู่ที่ว่าเราคุ้นเคยกับสำเนียงไหนมากกว่ากันต่างหาก อย่างเช่นถ้าเราชอบดูหนังฮอลลีวูดบ่อยๆ เราก็อาจจะคุ้ยเคยกับสำเนียงอเมริกัน และฟังเข้าใจง่ายกว่าสำเนียงอื่นๆ ในขณะที่พอเราไปดูหนังอังกฤษอย่าง แฮร์รี พอตเตอร์ ซึ่งพูดสำเนียงอังกฤษ เราก็อาจจะฟังแทบจะไม่ออกเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น หลักสำคัญในการฝึกฟังภาษาอังกฤษให้ออก ให้เข้าใจง่าย ก็คือ ถ้าเราอยากฟังสำเนียงไหนออก ก็ให้ฝึกฟังสำเนียงนั้นเยอะๆ บ่อยๆ เป็นประจำ ก็จะทำให้เราคุ้นเคยมากขึ้นและฟังออกได้ง่ายขึ้นเอง   2.  โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีใครฟังภาษาอังกฤษได้เข้าใจทุกสำเนียง  100%   เพราะแม้แต่ประเทศเดียวกันเองอย่างอังกฤษ ก็ยังมีคนพูดภาษาอังกฤษหลา

My head says work, but my heart says travel.

รูปภาพ
บางครั้งสมองกับหัวใจของเราก็ไม่ได้สอดคล้องไปด้วยกันเสมอไป ในขณะที่ความคิดของเราบอกให้เราทำอย่างหนึ่ง แต่ความรู้สึกของเรากลับบอกให้เราทำอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างยากที่จะตัดสินใจเลือกว่าควรจะทำสิ่งไหนดี ระหว่างสิ่งที่สมองของเราบอก หรือสิ่งที่หัวใจของเราเรียกร้อง ในสถานการณ์ในลักษณะนี้เราสามารถสื่อความหมายด้วยประโยคนี้ได้ครับ   My  head  says _____, but my  heart  says _____. ( ในสมองของฉันบอก  _____  แต่ในหัวใจของฉันบอก  _____) ซึ่งในที่นี้นั้น   head   สื่อความหมายในเชิง   หัว ,  สมอง ,  ความคิด ,  เหตุผล ส่วน   heart   นั้นสื่อความหมายในเชิง   หัวใจ ,  ความรู้สึก ,  สัญชาตญาณ และระหว่างสิ่งที่   head   บอก กับสิ่งที่   heart   บอกนั้นขัดแย้งกัน ในที่นี้เราเลยเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันด้วยคำว่า   but  ( แต่) เราอาจจะนำรูปแบบประโยคนี้ไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ที่ความคิดกับความรู้สึกของเราขัดแย้งกันก็ได้อย่างเช่น (1) My head says  save money,  but my heart says  go shopping . ( ความคิดของฉันบอกให้เก็บเงิน แต่ความรู้สึกของฉันบอกให้ช็อปปิ้งเ

13 ประโยคภาษาอังกฤษ คำถามคำตอบตรวจคนเข้าเมือง

รูปภาพ
ทุกครั้งที่เราเดินทางไปต่างประเทศ และเมื่อไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง เราจะต้องเตรียมตอบคำถามเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง บางครั้งเราอาจจะโชคดีที่ไม่ต้องตอบคำถามอะไรเลย หรืออาจจะตอบคำถามบ้างเล็กน้อยสองสามคำถาม   แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องเตรียมตอบคำถามอยู่ดี และเนื่องจากว่าภาษาอังกฤษนั้นมีหลายสำเนียง ถ้าเราเตรียมตัวในการตอบคำถามเหล่านี้ไปก่อน ก็จะช่วยให้เราเข้าใจคำถามได้ง่ายขึ้น ฟังออกมากขึ้น หรือถึงแม้ว่าเราจะฟังคำถามนั้นไม่ออกทั้งประโยคก็ตาม   แต่ก็พอจะเดาความหมายของคำถามนั้นได้บ้างถ้าเราเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี   วันนี้ลองมาดูคำถามที่มักจะพบบ่อยและแนวทางในการตอบคำถามเหล่านี้กันครับ แนวทางการตอบคำถาม:  Here you are. (นี่ครับ/ค่ะ) แนวทางการตอบคำถาม:  I’m coming from _____. (ฉันเดินทางมาจาก _____ ) I’m coming from Hong Kong . (ฉันเดินทางมาจากฮ่องกง) แนวทางการตอบคำถาม:  I’m from _____. (ฉันมาจาก _____ ) I’m from Thailand . (ฉันมาจากประเทศไทย) แนวทางการตอบคำถาม:  I’m here to _____. (ฉันมาที่นี่เพื่อ _____ ) I’m her

See things as they are, or see things as we are?

รูปภาพ
เรามองสิ่งต่างๆ ในแบบที่มันเป็น หรือว่าเรามองสิ่งต่างๆ ในแบบที่เราเป็น หลายครั้งที่เรามักจะมองสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วพยายามตัดสินมันในมุมมองของเรา สิ่งนี้ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด สวยงามหรือน่าเกลียด พอใจหรือไม่พอใจ ชอบหรือไม่ชอบ ใช่หรือไม่ใช่ ฯลฯ หลายครั้งที่ในเรื่องราวเดียวกัน มีทั้งคนมองว่าดีและไม่ดี เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ชอบและไม่ชอบ ใช่และไม่ใช่ ฯลฯ เป็นไปได้มั้ยว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะ เราไม่ได้มองสิ่งต่างๆ ในแบบที่มันเป็น แต่ว่าเรามองสิ่งต่างๆ ในแบบที่เราเป็น